สบู่ธรรมชาติ (soap) เกิดจากการทำปฏิกิริยาทางเคมี ระหว่างสารละลายด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์ (โซดาไฟ) กับน้ำมัน (oils) ซึ่งอาจเป็นน้ำมันพืช กระบวนการนี้เรียกว่า saponification ซึ่งทำให้ผลผลิตที่ได้กลายเป็นของแข็งลื่น มีฟอง ใช้ทำความสะอาดขจัดคราบสกปรกได้ดี เบสสบู่ สามารถเลือกทำจากน้ำมันได้หลากหลายชนิด เพราะน้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์แต่ละชนิดประกอบด้วยกรดไขมันที่แตกต่างกัน ทำให้คุณสมบัติแตกต่างกันด้วย เรามาดูกันว่า กรดไขมันแต่ละชนิดที่คนนิยมเอามาทำสบู่นั้น ให้คุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
น้ำมันมะพร้าว
(Coconut Oil)

น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น มีคุณสมบัติในการต้านการออกซิเดซัน (Antioxidant) และยังสามารถช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัยได้อีกด้วย เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวประกอบไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัวเป็นหลักจึงทำให้สบู่ไม่เกิดการหืนได้ง่าย และกรดไขมันอิ่มตัว Lauric acid ซึ่งมีปริมาณมากในน้ำมันมะพร้าวจึงมีคุณสมบัติทำให้สบู่เกิดฟอง และละลายน้ำได้ดีแม้ในสภาพน้ำค่อนข้างกร่อย มีความสามารถในการทำความสะอาดสูง ตัวสบู่เองจะมีความแข็งมาก และมีความสามารถในการเปลี่ยนไปเป็นสบู่ได้สูง การใช้ปริมาณน้ำมันมะพร้าวในสบู่มากเกินไปจะทำให้ผิวหนังแห้ง การใช้จึงจะต้องผสมกับน้ำมันปาล์ม น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันอื่นๆ
น้ำมันปาล์ม
(Palm Oil)

น้ำมันเม็ดปาล์มมีกรดไขมันอิ่มตัวอยู่ในปริมาณที่สูงโดยเฉพาะ Lauric acid ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษที่มหัศจรรย์คือเป็นกรดไขมันอิ่มตัวและยังมีมวลโมเลกุลต่ำอีกด้วยทำให้สบู่ที่มีกรดไขมันชนิดนี้มีคุณสมบัติในการเป็นฟองและละลายน้ำได้ดีในเกือบทุกสภาพน้ำ อีกทั้งยังทำให้ก้อนสบู่มีความแข็งอีกด้วย ข้อเสียของน้ำมันจากเม็ดปาล์มก็คือไม่สามารถใช้ในปริมาณที่มากได้เพราะจะทำให้ผิวหนังแห้งได้ และยังคงมีกลิ่นแม้ใช้ในปริมาณไม่มาก ดังนั้นเราจึงควรใช้น้ำมันเม็ดปาล์มในปริมาณที่น้อยกล่าวคือประมาณ 10% และต้องใช้ร่วมกับน้ำมันอื่นๆด้วย
น้ำมันมะกอก
( Olive Oil)

นำมันมะกอกมีคุณสมบัติทำให้ความชุ่มชื้นสามารถเกาะติดอยู่กับผิว และยัง
สร้างฟิล์มบางๆป้องกันไม่ให้ความชุ่มชื้นจากภายในผิวสูญเสียไป น้ำมันมะกอกยังมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนสารให้ความชุ่มชื้นตัวอื่นๆคือจะไม่อุดตันหรือขัดขวางการทำงานตามธรรมชาติของผิว เช่น การขับเหงื่อ การหลั่งซีบัม การผลัดผิว เป็นต้น
ยังมีงานวิจัยที่กล่าวว่า
น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติรักษาสิวได้ และยังมีวิตามิน E สูงอีกด้วย เนื่องจากน้ำมันมะกอกประกอบไปด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Oleic acid มีตั้งแต่ 55-83% ซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับน้ำมันชนิดอื่นๆ กรดไขมันชนิดนี้จะมีคุณสมบัติในการทำความสะอาด และให้ความชุ่มชื้นต่อผิว เมื่อใช้ในปริมาณที่มากจะทำให้สบู่อ่อน ถ้าต้องการทำให้ก้อนสบู่แข็งจะต้องมีการเติมน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันเม็ดปาล์มหรือน้ำมันปาล์มลงไปด้วย
น้ำมันรำข้าว
(Rice Bran Oil)

ได้สบู่สีขาวอมเหลือง เนื้อสบู่นิ่ม ฟองน้อยละเอียด ให้วิตามินอีมาก ทำให้สบู่มีความชุ่มชื้น บำรุงผิว ช่วยลดความแห้งของผิว
น้ำมันละหุ่ง
(Castor Oil)

น้ำมันละหุ่งมีประโยชน์ต่อผิวเช่นเดียวกันกับน้ำมันมะกอก น้ำมันโจโจบา คือทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นต่อผิว ปกป้องไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น และทำให้ผิวนุ่มลื่น ในการทำสบู่น้ำมันละหุ่งจะต้องใช้ร่วมกับน้ำมันตัวอื่น เพราะว่าลำพังน้ำมันละหุ่งแล้วสบู่ที่ได้จะค่อนข้างใสและก้อนสบู่จะอ่อนนิ่ม ดังนั้นจึงต้องผสมกับน้ำมันตัวอื่นด้วยจึงจะได้สบู่ที่มีคุณสมบัติที่ดีและทำให้ผิวมีความลื่นเนียนและชุ่มชื้น
น้ำมันละหุ่งยังมีกลิ่นค่อนข้างแรงและมักจะไปกลบกลิ่นน้ำหอมที่เราใส่ไปดังนั้นการเลือกใช้น้ำมันละหุ่งในปริมาณที่มากจะส่งผลต่อกลิ่นของสบู่ ซึ่งจะทำให้สบู่จะมีกลิ่นของน้ำมันละหุ่งอยู่ด้วย และข้อควรระลึกถึงเสมอว่าน้ำมันละหุ่งดิบจะมีโปรตีนที่เป็นพิษ ดังนั้นเวลาเลือกซื้อน้ำมันละหุ่งควรให้แน่ใจว่าเป็นน้ำมันที่ถูกกำจัดพิษออกไปหมดแล้ว
น้ำมันงา
(Sesame Oil)

น้ำมันงา ให้สบู่สีขาวอมชมพูค่อนข้างนิ่ม ฟองนุ่มนวล ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ เป็นน้ำมันที่ให้วิตามินอี และให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่มีกลิ่นเฉพาะตัว
น้ำมันถั่วเหลือง
(Soybean Oil)

น้ำมันถั่วเหลือง เข้าได้ดีกับน้ำมันชนิดอื่นๆ สบู่ที่ผลิตได้ จะให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่เก็บไว้ได้ไม่นาน มีกลิ่นหืนง่าย เป็นน้ำมันที่ใช้เป็นส่วนผสมในสบู่เพื่อเพิ่มความนุ่มนวล เพิ่มวิตามินอีและความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ เนื้อสบู่นิ่ม ฟองละเอียด แต่ฟองไม่มาก
น้ำมันเมล็ดทานตะวัน
(Sunflower Oil)

สบู่จะมีสีขาวอมเหลือง เนื้อสบู่ไม่สูงมาก ฟองไม่มาก
เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ น้ำมันเม็ดดอกทานตะวันก็จะมีพวก Linoleic acid สูง ก็จะมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดสูง และยังทำให้สบู่มีความนุ่มลื่นชุ่มชื่นผิว แต่ก็จะทำให้สบู่มีลักษณะที่อ่อนนิ่ม
น้ำมันอะโวคาโด
(Avocado Oil)

น้ำมันอะโวคาโดออยล์มี เบต้าแคโรทีน โปรตีน ลดไขมัน และ
วิตามิน A D และ E ซึ่งช่วยให้ความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นอันตรายต่อผิวและช่วยเร่งการผลิตคอลลาเจนของผิว ซึ่งจากการศึกษาพบว่าครีมทาผิวที่ประกอบด้วยอะโวคาโด น้ำมันโจโจ้บา น้ำมันอาร์แกน น้ำมันโรสฮิป มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อจุลินทรีย์
น้ำมันอัลมอนด์
(Avocado Oil)

น้ำมันอัลมอนด์ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์เพื่อแก้ปัญหาผิวหนังแห้งและรักษาแผลประเภท Hypertrophic scarring (แผลนูน) ด้วยความที่น้ำมันอัลมอนด์ (Sweet almond oil) คือน้ำมันที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมายหลากหลายชนิด เช่น Folic Alpha tocopherol (Vitamin E) Zinc ซึ่งช่วยในเรื่องรักษาอาการผิดปกติของผิวหนัง นอกจากนั้นยังมี Vitamin A B1 B2 B6 D และ Glycoside ซึ่งช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวหนัง และยังมีกรดไขมันจำเป็นอย่าง Linoleic (Omega-6) ถึง 30% ช่วยลดการสูญเสียน้ำภายใต้ผิวหนัง
น้ำมันซีบัคทอร์น
(Sea buckthorn Oil)

น้ำมันที่นำมาจากทั้งผลและเมล็ดของซีบัคธอร์น ซึ่งเป็นน้ำมันที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว มีปริมาณแคโรทีนสูงมาก และมีวิตามินคอมเพล็กซ์ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีสัดส่วนของกรดปาล์มิโตเลอิกสูง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิวอย่างมีประสิทธิภาพ มีจุดเด่นในเรื่องของผิวพรรณโดยตรง ด้วยความที่เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ และเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อผิวพรรณ มีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระจากรังสี UV มลภาวะ และสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดริ้วรอย และโรคทางผิวหนัง ซีบัคธอร์นมีประสิทธิภาพทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น (Skin hydration status) เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว (Skin elasticity) และช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น (Surface roughness)
เมื่อเราทราบถึงองค์ประกอบของกรดไขมันในน้ำมันต่างๆแล้ว ทำให้เราสามารถเลือกใช้และออกแบบสบู่ในคุณภาพและต้นทุนที่เราพึงพอใจได้ โดยสรุปได้ดังนี้พวกกรดไขมันอิ่มตัวเราจะได้จากน้ำมันมะพร้าว น้ำมันจากเม็ดปาล์มก็จะมีมีกรด Lauric acid เป็นหลักซึ่งมีคุณสมบัติทำให้สบู่มีความแข็ง เป็นฟองดี และมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดสูง แต่ใช้ในปริมาณมากๆจะทำให้ผิวหนังแห้ง และน้ำมันปาล์ม (เนื้อปาล์ม) จะมีพวก Palmitic acid สูงสบู่ก็จะมีความแข็งและเป็นครีมสูง ส่วนพวกกรดไขมันไม่อิ่มตัวก็จะได้จากน้ำมันมะกอก ซึ่งมีกรด Oleic acid สูง ซึ่งจะทำให้สบู่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น มีความสามารถในการทำความสะอาด และเนื้อสบู่จะมีลักษณะอ่อนนิ่มและเป็นครีม